ตะกรุดคู่ชีวิต หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร ยันต์คู่ชีวิต ยันต์ไตรสรณคมน์

ตะกรุดคู่ชีวิต หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หาชมยากพุทธคุณสูง
ภายในแผ่นยันต์ ด้านหนึ่ง คือ ยันต์คู่ชีวิต และ อีกด้านหนึ่งเป็น ไตรสรณคมน์...พระคาถา อะสิสัตติ ธนูเจวะ ฯ
ยันต์คู่ชีวิต คือ มีอยู่แล้วชีวิตจะอยู่คง เป็นยันต์ที่ได้ใช้กันมานาน ตั้งแต่สมัยอยุธยา เป็นยันต์ๆหนึ่งในตำราพิชัยสงครามซึ่งได้ระบุไว้ เป็นยันต์ชั้นสูงหาค่าประมาณมิได้
แผ่นตะกรุดด้านนอกเป็นเนื้อตะกั่ว แผ่นตะกรุดด้านในจะเป็นทองเหลืองหรือเงิน จารยันต์เสร็จแล้วม้วนเข้าด้วยกันให้เป็นเนื้อเดียวกัน
ซึ่งแตกต่างจากหลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่าที่ตะกรุดภายในเป็นเนื้อทองแดง ลักษณะตะกรุดทองแดงยัดใส่เป็นแกนกลาง
หลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่า จ.พิจิตร เป็นเกจิอาจารย์ยุคเก่าประวัติความเป็นมาจึงลางเลือน มีแต่คำบอกเล่าว่าท่านชอบธุดงค์ไปตามป่าเขา แล้วสร้างกุฏิเล็ก ๆ ของท่านไว้กลางป่า ท่านชอบอยู่องค์เดียว ชอบนั่งวิปัสสนา มีเรื่องเล่าว่า เวลาเกิดไฟป่าลามไปใกล้กุฏิของท่าน ท่านก็ไม่หนี สุดท้ายไฟป่าก็ดับเอง แม้ในปัจจุบันหากเกิดไฟไหม้ ชาวบ้านเพียงนึกถึงท่าน ก็มักจะมีลมมาพัดไฟให้เปลี่ยนทิศทางไปอย่างอัศจรรย์อยู่เสมอ ต่อมาได้มีการจัดสร้างวัดวังหมาเน่าขึ้น สาเหตุที่เรียกแบบนี้ก็เพราะเหนือบริเวณวัดขึ้นไป ประมาณ 100-200 เมตร สายน้ำตรงนั้นจะเลี้ยวโค้งหักศอก ทำให้เกิดวังน้ำวนขึ้น หมาเน่าที่ลอยมาตามน้ำก็จะไหลวนอยู่ตรงบริเวณนั้น บางครั้งมีหมาเน่าตายอยู่บริเวณนี้เป็นจำนวนมาก ทำให้มีกลิ่นเหม็นมาก ๆ แต่หลวงพ่อโพธิ์ท่านไม่รังเกียจ และไม่เหม็นด้วย เพราะท่านมีคาถาดี หลังจากหลวงพ่อโพธิ์มรณภาพไปแล้ว ทางวัดจึงถูกจัดตั้งใหม่และเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการเรียกว่า “วัดโพธิ์ศรี” เขาเล่าว่าตะกรุดของหลวงพ่อโพธิ์จระเข้กัดไม่เข้า
เมื่อจะสู้กับผู้อื่นคาดเอวไว้ข้างหน้า
เมื่อจะหนีเขาให้ไว้ข้างหลังเขาจับไม่ทัน ยิงไม่ออก
เมื่อจะเข้าหาผู้ใหญ่ให้ไว้ข้างขวา
เมื่อจะเข้าหาผู้หญิงให้ไว้ข้างซ้าย
ตะกรุดคู่ชีวิต หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ดอกนี้ยาวเกือบ 4 นิ้ว พิจารณาแกนกลางในสุดเป็นแผ่นทองแดงและแผ่นทองเหลืองม้วนพร้อมกัน ชั้นนอกสุดเป็นตะกั่ว บางคนเรียกตะกรุด 3 กษัตริย์ก็มี